ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปัญหาของ “ขยะพลาสติก” ยังคงเป็นหนึ่งในวิกฤตระดับโลกที่ยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตของทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ที่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ที่ผ่านมาในอดีต แม้ว่าประเทศไทยจะเคยอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก รองจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และศรีลังกา เนื่องจากคนไทยสร้างขยะกว่า 27 ล้านตัน และจำนวน 2 ล้านตันนั้นคือขยะพลาสติก ทำให้มีเพียงแค่ 1 ใน 4 ส่วนที่สามารถเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายได้ หรือเท่ากับว่ายังมีขยะพลาสติกที่กำจัดไม่ได้สูงถึง 1.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งโดยปกติแล้วขยะเหล่านี้ต้องใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 400 ปี ทำให้มีขยะบางส่วนสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวางแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยมุ่งเน้นการ “ลดและเลิก”
เริ่มต้นง่ายๆจากตัวเองและคนในครอบครัวของเราก่อน เพื่อเป็นการทดลองให้เห็นภาพและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเลยได้ทำการคัดกรองและแยกขยะแบบง่ายๆของที่บ้านภายในระยะเวลา 7 วัน โดยเริ่มจากนำขยะแห้งที่เก็บแยกไว้ได้เช่น กล่องกระดาษ ถุงพลาสติก ขวดบรรจุภัณฑ์ที่ใช้หมดแล้ว บรรจุภัณฑ์ที่ได้จากการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ขวดแก้วต่างๆ ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าขยะในบ้านของเราโดยเฉพาะช่วงกักตัวและ work from home แบบนี้มีปริมาณเยอะมากกว่าปกติ
ครั้งนี้เลยทำการคัดเลือกขยะง่ายๆ โดยแบ่งเป็นหมวดที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ต่อได้ หรือ recycle ใหม่อีกครั้ง แบ่งกลุ่มขยะให้ชัดเจนเพื่อส่งต่อให้กับคนที่ต้องการนำไปขายหรือนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ดังนั้นสำหรับบ้านไหนที่ยังใช้วิธีแบบมีถังขยะเพียงใบเดียว หรือหลายใบแต่ทิ้งรวมทุกสิ่งอย่างลงไปไม่ทำการแยกตั้งแต่แรก ขอแนะนำเลยว่าให้ลองจัดหมวดแยกขยะเป็นประเภทตั้งแต่แรกง่ายๆ ได้แก่
- ขยะย่อยสลายได้ เช่น เศษอาหาร พืชผัก ขยะที่สามารถนำไปผ่านกระบวนการให้กลายเป็นปุ๋ยได้
- ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ ขวดพลาสติก แก้ว เศษเหล็ก
- ขยะทั่วไป คือบรรดาขยะที่ย่อยสลายยาก และไม่คุ้มต่อการรีไซเคิล เช่น ถุงพลาสติก หลอด
- ขยะพิษหรือขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ กระป๋องสี กระป๋องยาฆ่าแมลง
ซึ่งข้อดีของการที่เราแยกขยะนั้น อย่างแรกคือทำให้เราจัดหมวดหมู่ขยะต่างๆชัดเจน ก่อนที่จะถูกส่งต่อเพื่อไปผ่านกระบวนการกำจัดขยะที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดปัญหาขยะสะสมจนทำให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระยะยาว ที่สำคัญคือทุกๆบ้านไม่ควรหมักหรือเก็บขยะไว้ในเวลานาน ดังนั้นเราควรหมั่นจัดการขยะและจัดให้เป็นระบบระเบียบในทุกๆวัน และจะพบว่ายังมีขยะหลายชิ้นที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนได้อีกด้วย
นอกจากที่เรายังสามารถช่วยลดขยะกันได้ Anywhere Anytime หรือเรียกได้ว่าทุกที่ทุกเวลา การจัดระบบระเบียบของใช้ภายในบ้านคัดแยกให้เรียบร้อยก็จะสามารถได้ของที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว แต่ยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆ นำไปบริจาคเพื่อต่อยอดโอกาสมากมายให้กับสังคมและคนรอบข้าง เช่นการบริจาคผ่านร้านปันกัน เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าภายในร้านยังส่งมอบต่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขาดโอกาส ให้น้องๆได้เรียนหนังสือต่อ
หากทุกคนมีความใส่ใจและมีความตระหนักไว้ว่าเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยประเทศได้แค่เพียงเริ่มจากตัวเราเอง เช่น หลีกเลี่ยงการใช้จานชามจากโฟมหรือพลาสติกที่เป็นการใช้เพียงครั้งเดียวไม่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ เลือกพกบรรจุภัณ์หรือเครื่องใช้ต่างๆเองไม่ว่าจะเป็น กล่อง แก้ว หรือหลอด นอกจากจะช่วยลดขยะพลาสติกแล้ว หลายๆที่ยังมีส่วนลดพิเศษให้ด้วยนะ คัดแยกสิ่งของที่สามารถนำไปบริจาคได้และ สุดท้ายคือการหัดพกถุงผ้าติดตัวไว้อยู่เสมอ ทางปันกันมีจำหน่ายด้วยนะ ลายน่ารักมากๆ ในราคาย่อมเยา โดยรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายถุงผ้านำไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้เด็กขาดโอกาสต่อไป เพียงเท่านี้เราก็สามารถลดขยะพลาสติกได้ในชีวิตประจำวัน แถมยังได้สร้างโอกาสให้กับคนอื่นๆด้วย
ทุกปัญหาและสังคมเราจะดีขึ้นได้ ถ้าเราคนไทยทุกคนช่วยกัน
บทความ : พลอยภาวัน เอี่ยมรุ่งโรจน์
อ้างอิง : www.prachachat.net